Thursday, March 19, 2015

My Shopping Heaven in the Whole Wild World


     1. Everything can find here : Jatujak Market, Bangkok Thailand  


ภาพจาก www.prachachat.net
  ตลาดนัดจตุจักร.....ตลาดกลางแจ้งที่โด่งดังที่สุดของกรุงเทพและประเทศไทย เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองไทยแทบทุกคนต้องอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศตลาดที่คึกคักและมีสินค้าหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ลำพังแค่พ่อค้าแม่ค้ามีกว่าหมื่นแผงค้าและมาจากทั่วประเทศ ทั้งโรงงานผู้ผลิต ชาวบ้านสินค้า OTOP ผู้ส่งออก และพ่อค้าคนกลางรายย่อยมากมาย สินค้ามีแทบทุกประเภททั้งศิลปะ หัตถกรรม ของเก่า ของมือสอง หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว อาหารเครื่องดื่ม มีผู้คนมาเดินจับจ่ายสินค้ากว่า 150,000 คนต่อวัน 
   เสน่ห์ของจตุจักร คือ บรรยากาศแบบตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวง เดินทางสะดวก ที่มีอากาศร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน เฉอะแฉะในหน้าฝน และเดินสบายๆตอนหน้าหนาว อีกทั้งเยอะไปหมดทั้งผู้ซื้อผู้ขาย มีสินค้าแปลกๆล้ำๆ และสินค้าหายากที่รอการค้นพบมากมาย ราคาสามารถต่อรองกันได้ จึงเป็นแหล่ง Shopping ติดอันดับโลกขวัญใจคนไทยและชาวต่างชาติมายาวนาน 

    2.  Outlet Outlet Outlet, USA 


ภาพจาก www.office-tourisme-usa.com
    สหรัฐอเมริกา.....ดินแดนแห่งทุนนิยมและบริโภคนิยมแนวหน้าของโลก เป็นประเทศที่มีสินค้าหลากหลาย และพลเมืองต่างชื่นชอบการใช้เงิน อีกทั้งยังมีนโยบายเอาใจการจับจ่ายใช้สอยกันแบบสุดๆ อย่างการเปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 1 เดือน, บัตรเครดิตที่ซื้อก่อนผ่อนที่หลังในสินค้าทั้งแพงทั้งถูก, ของไม่ดีไม่ถูกใจ เก็บใบเสร็จคืนเงินได้ สำหรับสวรรค์ของการ Shopping เราขอยกให้ Outlet ของประเทศนี้ ซึ่งมีแทบจะทุกรัฐและส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่โต สินค้ามากมายหลากหลาย ยากที่จะหา Outlet ที่ใดในโลกเสมอเหมือนเลยทีเดียว
     ความสนุกของการ Shopping ที่ Outlet ในอเมริกา คือ การได้พบเจอสินค้าหลากหลาย คุณภาพดี และราคาถูกจริง แถมยังขยันทำโปรโมชั่นเรียกความอยากให้ลูกค้า มีเงื่อนไขการซื้อที่เยี่ยม ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเราที่สินค้าตาม Outlet มักจะเก่า แบบน้อย แถมราคาก็ไม่ได้ถูกจนต้องอึ้ง ทำให้ Shopping ที่นี่คิดยังไงก็คุ้มแสนคุ้ม แนะนำ Website สำหรับหา Outlet ใกล้ๆที่พักกันที่ http://www.outletbound.com ส่วนตัวแนะนำ Outlet ในเครือ Premium Outlets ซึ่งมีสินค้า Brand ดีๆรวมตัวกันอยู่มากมาย http://www.premiumoutlets.com สำหรับสินค้าน่าซื้อแนะนำ Brand สัญชาติอเมริกาทั้งหลายพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่นเครื่องใช้เด็ก อาหารเสริมและวิตามิน  

   3.      Sale Season in Europe


        ยุโรป...ทวีปที่เป็นแนวหน้าของโลกในหลายๆด้านทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา การปกครอง เทคโนโลยี ไม่เว้นแม้แต่แฟชั่น ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง มีผู้นำแฟชั่นอย่างฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ สเปน สวิสเซอแลนด์ ที่มีทั้ง Luxury Brand สินค้าแฟชั่นสุดหรูระดับโลก และ High Street Brand สินค้าแฟชั่นสวมใส่ง่าย ราคาไม่สูง มีสาขามากมายและรู้จักไปทั่วโลก
      เทศกาลเซลล์ประจำปีของยุโรปมี 2 ช่วงหลักๆ ได้แก่ ช่วงฤดูร้อนที่เริ่มกันประมาณเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม จะลดราคาสินค้าใน Collection Spring/Summer ส่วนช่วงฤดูหนาว จะเริ่มช่วงคริสมาสต์จนถึงปลายเดือนมกราคม จะเซลล์สินค้าใน Collection Fall/Winter เทศกาลลดราคาดังกล่าวสนุกมากจริงๆสำหรับ Shopping Lover ทุกคน โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่สินค้าเหมาะมากกับเมืองไทย ร้านค้าแทบทุก Brand พร้อมใจกันลดราคากันสุดๆ ลดแบบจริงจังและจริงใจ ไม่มีกั๊กแบบฤดูการลดราคาของเมืองไทย โดยต้นเทศกาลอาจเริ่มต้นเบาๆที่การลด 25% ไป 50% จนถึง 75% ไปจบที่ช่วงท้ายๆเทศกาลอาจลดสูงถึง 90% จึงได้ทั้งของสวย คุณภาพดี ยี่ห้อดัง และราคาถูกจริง แล้วจะไม่หลงรักยุโรปในช่วงนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะบรรดาเมืองแฟชั่นทั้งหลายอย่างปารีส มิลาน ลอนดอน มาดริด รับประกันความตื่นตาตื่นใจและฟินสุดๆ 

    4.       The One and Only : Paris France
   
       ปารีส.....เมืองหลวงของฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปะ ความสวยความงาม การออกแบบตกแต่ง และเป็นเมืองหลวงแฟชั่นของโลกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสินค้าแฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสต่างมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมายาวนานทั้งการออกแบบ ความสวยงาม คุณภาพ ความคงทน ปารีสจึงติดอันดับสถานที่ Shopping ในฝันของสาวๆทั่วโลกเสมอมา 
    ปารีส คือ The One and Only สำหรับของสวยๆงามๆ ของเรา เพราะเป็นที่เดียวในโลกที่คุณจะได้เห็นสินค้าแฟชั่น Collection ใหม่ล่าสุดก่อนใคร แบบสวย เยอะ อีกทั้งยังเพลินตาสุดๆ กับของกิน-ของใช้ต่างๆที่ออกแบบได้สวยงาม มีดีไซน์เก๋ไก๋ น่ากิน น่าซื้อไปหมด การตกแต่งหน้าร้านก็สวยงามและสร้างสรรค์ รวมทั้งชาวปารีเซียงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีสไตล์การแต่งตัวที่สวยงาม ชวนมอง สมกับตำแหน่งศูนย์กลางแฟชั่นโลก ไม่มีที่ใดเหมือนจริงๆ สำหรับย่านการค้าน่าเดินสำหรับขาช๊อบทั้งหลายขอแนะนำ 5 ย่าน 5 สไตล์ ตามจริตและความชอบ ดังนี้   
1. Avenue des Champs Elysees : ถนน Shopping ชื่อดังของโลกอยู่ระหว่างประตูชัย Arc de Triomphe และ Place de La Concorde เป็นถนนที่พลุกพล่านเต็มไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงหนัง ออฟฟิศสำนักงาน Supermarket ร้านหนังสือ ร้านของเล่น ร้านค้าแฟชั่น (เช่น H&M, Zara, Promod) ร้านเครื่องสำอาง (Sephora) ร้านเพลงร้านหนัง CD DVD (Virgin) ร้านกระเป๋าขวัญใจชาวไทยอย่าง Louis Vuitton ก็อยู่บนถนนเส้นนี้ Metro ที่ใกล้สุด ได้แก่ สถานี Ch.de Gaulle Etoile, Geoges V, Fr. D. Roosevelt
2. Rue de Passy : ถนน Shopping ที่มีร้านรวงเก๋ๆแบบชาวปารีเซียงเพียบทั้งร้านเสื้อผ้า รองเท้า เสื้อผ้าเด็ก ของเล่นเด็ก ร้านเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน Supermarket ห้างสรรพสินค้า อยู่ระหว่าง Metro สถานี La Muette และ Passy แหล่งท่องเที่ยวในบริเวณ คือ Palais de Chaillot และ หอ Eiffel
3. Boulevard Hausmann : มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Printemps และ Galeries Lafayettes และถนนรอบๆเต็มไปด้วย Brand แฟชั่นชื่อดังอย่าง H&M, Zara, Benetton, Uniqlo อยู่ระหว่าง Metro สถานี Chaussee d'Antin และ Havre Caumartin หลัง Paris Opera (Garnier)
4. Avenue Montaigne : ถนน High End สายหนึ่งของปารีส เพราะเต็มไปด้วยร้าน Brand Name แสนแพงระดับโลก เช่น Chanel, Christian Dior, Yves Saint Laurent, Gucci, D&G, Chloe อยู่ระหว่าง Metro สถานี Fr. D. Roosevelt และ Alma-Marceau 
5. Les Halle และ Quartier Beaubourg : Beaubourg เป็นย่านการค้าบริเวณพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Centre Pompidou ย่านนี้จะพบกับร้านค้าสไตล์บ้านๆแบบปารีสมากมาย มีร้านขายโปสการ์ด ร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้า เดินได้เพลินๆทั้งถนน Beaubourg และ Boulevard Sebastopol แนะนำให้เดินไปถึง Forum des Halles ที่ Rue ฺBerger ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 70's ปัจจุบันเป็นห้างสรรพสินค้าใต้ดินขนาใหญ่ ใช้ Metro สถานี Les Halles, Hotel de Ville  

     5. Everything can bargain here : Khan el Khalili Market, Cairo Egypt

   
ภาพจาก www.hdwpapers.com
อียิปต์.....ดินแดนแห่งปิรามิด สฟิงซ์ ฟาโรห์ วิหารเก่าแก่ และต้นกำเนิดอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ หลังจากตะลอนทัวร์ตามแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของประเทศนี้แล้ว เรามีโอกาสมา
Shopping หาซื้อของฝากกันที่ตลาดข่านเอลคาลีลี (Khan el Khalili)  ตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ และเก่าแก่ใจกลางกรุงโคโร ที่นี่ขายของพื้นเมืองสวยๆมากมาย อย่างขวดน้ำหอมแบบอียิปต์ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับสไตล์อาหรับ พรม ของตกแต่งบ้าน เครื่องทองเหลือง และของที่ระลึกแบบพื้นเมือง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พักแบบ Guest House อารมณ์ประมาณตลาดนัดจตุจักรผสมกับถนนข้าวสารบ้านเรา

     ความประทับใจต่อตลาดแห่งนี้จนเราต้องยกให้อยู่ใน Shopping List สุดโปรด นอกจากบรรยากาศแบบตลาดอาหรับโบราณหรือที่เรียกกันว่า Souk ที่มีลักษณะเป็นถนนเล็กๆ คดเคี้ยว หลายแยกหลายซอย มีร้านค้าของพื้นเมืองสองข้างทางแล้ว ลีลาการขายและต่อรองราคากับพ่อค้าชาวอียิปต์ของที่นี่ยังสนุกและท้าทายสติปัญญาไม่เบา เพราะนอกจากพ่อค้าจะขยันตื้อและบอกราคาโอเว่อร์แล้ว ยังมีเทคนิคค้าขายโบราณแบบ Barter Trade หากพ่อค้าอียิปต์ถูกใจนาฬิกาข้อมือเรา เค้าจะขอแลกเปลี่ยนกับพรมอียิปต์ของเค้า สำหรับประสบการณ์ของเราไปถูกใจผ้าปูโต๊ะ Hand Made แสนสวย หลังจากต่อรองราคากันอยู่นาน พ่อค้าจึงยอมลดราคาให้แต่ต้องแถมนาฬิกาข้อมือให้เค้าด้วย ในที่สุดหลังการต่อ...เราก็ได้ผ้าปูโต๊ะในราคาพอใจมาครอบครอง ส่วนพ่อค้าท้องถิ่นได้เงินและยาดมโป๊ยเซียนจากเมืองไทยไปแบบ Win Win ทั้งสองฝ่าย เป็นประสบการณ์สนุกๆที่ลืมไม่ลงจริงๆ 

    6. Limited Edition Product and Service, Tokyo Japan   


      ญี่ปุ่น...ประเทศที่ไปได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ เพราะนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจะสวยงามแล้ว การ Shopping ที่นี่ยังสนุกและน่าตื่นเต้น สินค้าญี่ปุ่นเค้าแข่งกันที่ความคิดสร้างสรรค์และขยันกันสร้างความแตกต่าง สินค้าจึงมีหลากหลายและราคาหลายระดับ แถมที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องสินค้าที่เป็น Limited Edition เป็นรุ่นที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น การ Shopping ตามเมืองใหญ่ๆของญี่ปุ่น จึงรับประกันความสนุกได้ทุกที่ ส่วนเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ มีของที่ระลึกท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง น่ารักมุ้งมิ้งสไตล์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ประเทศนี้มีเงินแสนก็หมดแสนได้ง่ายๆเพราะของน่าซื้อ น่าใช้ไปซะหมด 
   สำหรับบรรดาเมืองต่างๆในญี่ปุ่น เราขอยกตำแหน่งที่สุดของที่สุดสำหรับการ Shopping ให้เมืองหลวงอย่างโตเกียว เพราะความเยอะและหลากหลายของสินค้าตั้งแต่ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า เกมส์ กล้อง เครื่องดนตรี เครื่องกีฬา สินค้ามือสองคุณภาพดี เป็นแหล่งรวม Brand Name ชื่อดังทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติมากมาย ขอเลือก 5 ย่านสุดโปรดของเราที่เดินสนุกทุกครั้งที่มีโอกาสมาโตเกียว
1. Shinjuku :  ย่าน Shopping ขนาดใหญ่รอบสถานีรถไฟ Shinjuku ที่วุ่นวายที่สุด มีร้านค้าใต้ดินบริเวณสถานีรถไฟ, ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง, Flagship stores ของ Brand ญี่ปุ่นและต่างชาติมากมาย, ร้านสินค้ามือสองพวกกระเป๋า นาฬิกา, ร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนร้านอาหาร บาร์ และแหล่งบันเทิงตอนกลางคืน การเดินทางใช้ Metro หรือ JR ลงสถานี Shinjuku 
2. ห้าแยก Shibuya : ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม ห้างสรรพสินค้าฮิบๆ เดินให้ครบทุกแยกก็อยู่ได้เป็นวัน การเดินทางใช้ Metro หรือ JR ลงสถานี Shibuya 
3. Ueno : เป็นย่านรวมของกิน ของใช้แบบ Made in Japan ในราคามิตรภาพ บรรยากาศบ้านๆสบายๆ ที่นี่เหมาะซื้อพวกขนมของฝากในปริมาณเยอะๆ ราคาไม่แพง การเดินทางใช้ Metro หรือ JR ลงสถานี Ueno 
4. Ginza : ย่านแฟชั่นหรูหราไฮโซที่สุดของโตเกียว มีทั้งร้านค้า, ห้างสรรพสินค้า, Boutiques ชั้นนำของโลกอยู่ที่ถนนนี้ การเดินทางใช้ Metro ลงสถานี Ginza  
5. Akihabara : ย่านเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังของโตเกียว และเป็นแหล่งรวมร้านเกมส์ ภาพยนต์และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น การเดินทางใช้ JR ลงสถานี Akihabara

Friday, February 27, 2015

My Favorite 12 Small Towns in the Whole Wild World : part I


     บทความประจำเดือนแห่งความรักนี้ ว่าด้วยเมืองเล็กๆทั่วโลกที่เราหลงรัก ที่มีบรรยากาศสวยงาม โรแมนติก และแสนชิล เลยขอรวบรวมเป็น 12 เมืองเล็กๆไว้แนะนำผู้อ่าน หากมีโอกาสผ่านไปท่องเที่ยวตามประเทศเหล่านี้ ลองหาโอกาสเที่ยวเมืองเล็กๆตามชนบทบ้าง สำหรับเราเสน่ห์ของเมืองเล็กๆเหล่านี้ คือ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และสวยงาม หรือบางที่เป็นเมืองศิลปะ เดินไปมุมไหนก็สวยไปหมด เมืองที่สามารถใช้เท้าของเราเดินสำรวจได้ทั่วเมือง ผู้คนไม่พลุกพล่าน ถึงแม้บางเมืองเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง แต่ถ้าหากได้ลองพักตามเมืองเหล่านี้อย่างน้อยสักคืนจะพบว่าช่วงที่นักท่องเที่ยวกลับไปหมดแล้ว บรรยากาศของเมืองช่างสงบ สบาย และสวยงาม รู้สึกเวลาเดินช้า เหมาะกับการมาพักผ่อน ชาร์ตพลังให้ตัวเองจริงๆ       
    1. Tekapo, New Zealand


เมืองเล็กๆในเขต Mekenzie Country ใจกลางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ มีทะเลสาบ Tekapo ที่สวยงามด้วยสีเทอร์ควอยส์อันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นสถานที่ดูดาวทางซีกโลกใต้ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


   2. Ile d'Orleans, Canada


เกาะเล็กๆใกล้ Quebec City ในแคนาดา พื้นที่แห่งแรกๆที่ถูกฝรั่งเศสครอบครองและยังคงมีอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาถึงทุกวันนี้ เกาะแสนชิลแห่งนี้นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีฟาร์ม ร้านอาหาร ร้านขนม พิพิธภัณฑ์และแกลอรี่ท้องถิ่นเล็กๆ กุ๊กกิ๊กน่ารักให้แวะเยี่ยมชม

3. Kamakura, Japan



เมืองเล็กๆริมทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว แต่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ของญี่ปุ่น ทั้งเมืองเต็มไปด้วยวัดวาอารามให้แวะไหว้พระทำบุญ อิ่มบุญแล้วยังสบายอารมณ์จากบรรยากาศเมืองริมทะเลแสนชิลอีกด้วย 

4. Ranong, Thailand




จังหวัดที่ฝนตกมากที่สุดของเมืองไทยจนได้ฉายาว่า เมืองฝน 8 แดด 4 ระนองเป็นเมืองเล็กๆทางภาคใต้ที่เงียบสงบ มีธรรมชาติสวยงามและครบเครื่อง ทั้งภูเขาเขียวๆ น้ำแร่ธรรมชาติ ทะเลสีสวย และเกาะที่น้ำใส  

5. Inle Lake, Myanmar



ทะเลสาบขนาดใหญ่ในรัฐฉานของพม่า เป็นสถานที่ซึ่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ผสมผสานกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างสวยงามและลงตัว แนะนำให้ล่องเรือชมทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา ดูวิถีชีวิตคนท้องถิ่นอย่างการพายเรือจับปลาด้วยเท้า การทอผ้าจากใยบัว ปลูกผักบนน้ำ แวะไหว้พระขอพรที่วัดกลางน้ำ และปิดท้ายด้วยการพักผ่อนแสนสบายในรีสอร์ตกลางน้ำ


6. Oxford, UK

ภาพจาก www.travel.nytimes.com

เมืองมหาวิทยาลัยอันเก่าและเก๋าของโลก เป็นเมืองเล็กๆที่ได้บรรยากาศเมืองเก่าแบบอังกฤษ ตื่นตากับสถาปัตกรรมที่สวยงามของ College ชั้นนำของโลกหลายสิบแห่ง หรือออกนอกเมืองไปหน่อยจะพบกับบรรยากาศแสนสบายแบบชนบทอังกฤษ

7. Sintra, Portugal



เมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงลิสบอน เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า Fairy Tale ของโปรตุเกส เนื่องจากมีทั้งปราสาท พระราชวังที่สวยงามแปลกตา และวิลล่าหรูหราเก่าแก่หลายแห่ง ตัวเมืองมีขนาดเล็กแต่ร่มรื่นย์ มีโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ อีกทั้งบ้านเรือนร้านค้าที่ตกแต่งแบบโปรตุเกส ให้เดินชมเมืองแบบเพลินๆ

8. Cordoba, Spain


เมืองขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ทางภาคใต้ของสเปน เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรแขกมัวร์ในดินแดนยุโรป ย่าน Old Town เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างย้อนยุคที่สวยงามและตื่นตา ทั้ง Mezquita สุเหร่าโบราณของอิสลามที่ปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์ชาวคริสต์ พระราชวัง ป้อมปราการโบราณ สะพานเก่าแก่ริมแม่น้ำสุดชิล และย่านชาวยิวที่บ้านเรือนทาด้วยสีขาวและตกแต่งหน้าบ้านด้วยดอกไม้สีสดใส


9. Florence, Italy


เมืองขนาดไม่ใหญ่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของยุโรป (Renaissance) ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของอิตาลี ทั้งเมืองเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เพราะเต็มไปด้วยโบสถ์ วิหาร พระราชวัง รูปปั้น สะพานเก่า และพิพิธภัณฑ์สุดเจ๋ง ซึ่งมีสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สวยงามสมัย Renaissance กระจายอยู่เต็มเมือง 

10. Santorini, Greece



เกาะกลางทะเลอีเจียนของกรีซ ซึ่งเกิดจากภูเขาไฟระเบิด ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศโรแมนติกและพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด บ้านเรือนของที่นี่ปลูกบริเวณหน้าผาและทาด้วยสีขาวและฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ เกาะคึกคักมากในช่วงหน้าร้อน มีชายหาดหลากสีให้เลือกอาบแดดเล่นน้ำอย่างสำราญใจ

11. Nan, Thailand


จังหวัดเล็กๆในหุบเขาทางภาคเหนือของไทย มีเส้นทางขับรถที่สวยสุดๆและเป็นจังหวัดซึ่งเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งวัดวาอาราม จิตรกรรมฝาผนัง พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ หรือจะขึ้นภูไปนอนดูดาว ชมพระอาทิตย์ขึ้น สูดอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่มีอุทยานแห่งชาติและภูที่มีธรรมชาติสวยงามและสมบูรณ์มากมาย

12. Yufuin, Japan


เมืองออนเซนที่ล้อมรอบด้วยเขาบนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น เป็นเมืองเล็กๆน่ารักที่เงียบสงบ ได้บรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่นที่ฟ้าใส ทุ่งหญ้าเขียว แนะนำให้เช่าจักรยานขี่ชมเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Yufu แห่งนี้ แวะย่านถนนคนเดินซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของและร้านอาหารกุ๊กกิ๊กน่ารัก เดินเล่นริมทะเลสาบ Kinrinko และปิดท้ายด้วยการแช่ออนเซน เป็นการพักผ่อนที่แสนสบายจริงๆ 

Thursday, January 29, 2015

Road trip to Andaman...from amazing town to beautiful island

เริ่มต้นปีใหม่กับบทความที่เกิดจากการขับรถเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามันเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยเส้นทางการท่องเที่ยวนั้น เราขับรถจากกรุงเทพมุ่งสู่ภาคใต้โดยใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 4 เพชรเกษม ถนนที่ยาวที่สุดของไทย แวะเที่ยวตามจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ไล่มาตั้งแต่ จ.ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง จนไปจบที่สตูล (จริงๆข้ามไปรัฐปะลิสที่มาเลเซียด้วย) Road Trip ครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 8 คืน 9 วัน เป็นทริปที่สนุก และชิลสุดๆ เมืองแต่ละเมืองที่แวะต่างมีเอกลักษณ์ของตนเองและแตกต่างจากเมืองอื่น อาหารใต้อร่อยรสชาติจัดจ้าน และแน่นอนทะเลอันดามัน...ทะเลที่สวยที่สุดในเมืองไทยก็ยังคงสวยงามและไม่ทำให้เราผิดหวัง ซึ่งบทความ "Road trip to Andaman...from amazing town to beautiful island" นี้เราขอเลือกกิจกรรมหรือแหล่งท่องเที่ยวใน 5 จังหวัดฝั่งอันดามันที่ประทับใจเราที่สุดมาแนะนำกัน โดยเลือกกิจกรรมสนุกๆในตัวเมือง 1 กิจกรรม และเลือกเกาะสวยๆประจำจังหวัด 1 เกาะ (มีบางจังหวัดที่มีมากกว่านี้เพราะตัดใจเลือกไม่ได้จริงๆ) ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวอันดามันด้วยกันเลยค่ะ 

1.      Ranong : from cozy little town to hippy island
ระนอง...จังหวัดแรกของภาคใต้ฝั่งอันดามัน จังหวัดเล็กๆที่บรรยากาศชิลถูกใจเราที่สุด นอกจากเส้นทางถนนเข้าเมืองที่สวยสุดๆสายหนึ่งในเมืองไทย เพราะตัดผ่านหุบเขาที่คดเคี้ยว ตัวเมืองระนองเองเป็นเมืองเล็กๆอยู่ในหุบเขา อากาศชื้นๆสบายๆแทบทั้งปี สมกับฉายาจังหวัด ฝน 8 แดด 4กิจกรรมยอดฮิตแนะนำที่เมืองนี้ คือ “การแช่น้ำแร่” ที่มีชื่อเสียงสุดต้อง “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ” นอกจากจะมีบ่อน้ำร้อน บ่อแช่เท้า ยังมีลานหินซึ่งเราสามารถนอนรับไอร้อนจากน้ำแร่ที่อยู่ใต้ดินช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมี “บ่อน้ำพุร้อนพรรั้ง” อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งอยู่ตามธรรมชาติกลางป่า เหมาะกับคนรักธรรมชาติ หรือหากใครต้องการความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว ประมาณ private onsen แล้วละก็ แนะนำให้พักที่โรงแรม “น้ำใส เขาสวย รีสอร์ท” ในตัวเมืองระนอง เพราะห้องพักที่นี่ต่อน้ำแร่เข้ามาใช้ถึงในห้องน้ำ 
สำหรับ Sea Lover ทั้งหลาย ระนองมีทะเลสวยๆ และเกาะแก่งอยู่มากมาย เช่น อุทยานแห่งชาติแหลมสน หาดประพาส หาดอ่าวเคย หมู่เกาะกำ ส่วนเกาะที่เราอยากแนะนำหากมีโอกาสมาเที่ยวระนอง คือ “เกาะพยาม” ถึงแม้จะไม่ใช่เกาะยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่าไหร่ อาจเพราะทรายไม่ขาวน้ำไม่ใสเท่าเกาะอื่นๆในฝั่งอันดามัน แต่เกาะพยามกลับมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ สวย และยังดูดิบ มีบรรยากาศแบบฮิปปี้ เหมาะกับการมาพักผ่อนสงบๆ เล่นน้ำทะเล นอนอ่านหนังสือ และดื่มด่ำกับธรรมชาติ บนเกาะไม่มีรถยนต์ 4 ล้อ ถนนรอบเกาะเป็นถนนเล็กๆ ดังนั้นการสำรวจเกาะพยามที่เหมาะและสนุกที่สุด คือ การเช่ามอเตอร์ไซด์ขี่รอบเกาะ แนะนำให้ไปเล่นน้ำทะเลที่หาดอ่าวเขาควาย เพราะนอกจากชายหาดจะสะอาดและคลื่นลมไม่แรงแล้ว ที่นี่ยังมีป่าโกงกาง และปฏิมากรรมหินตามธรรมชาติที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะไว้ให้เราสำรวจ ส่วนจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดต้องไปดูกันที่อ่าวใหญ่ อ่าวยอดฮิตที่มีที่พักอยู่มากที่สุดบนเกาะ มีชายหาดกว้างใหญ่สมชื่อ น้ำทะเลใสสะอาดแต่คลื่นค่อนข้างแรง ส่วนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นน่าซื้อ คือ มะม่วงหิมพานต์ เพราะปลูกกันทั่วเกาะ


2.      Phangnga : from old town to paradise island 

พังงา...จังหวัดที่สองของฝั่งอันดามันในทริปของเรา เส้นทางขับรถเข้าเมืองนั้นสวยงามไม่แพ้เส้นทางที่ระนอง เพราะเป็นจังหวัดที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา อากาศเย็นสบายแทบทั้งปี เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ โดยเฉพาะ "อำเภอตะกั่วป่า" ซึ่งเป็นเมืองที่เคยมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยโบราณในชื่อเมืองตะโกลา (Takola) เป็นที่รู้จักของหลายชนชาติทั้งจีน อินเดีย อาหรับ เพราะเป็นเมืองท่าค้าขายและเป็นเส้นทางลัดขนสินค้าจากคาบสมุทรมลายูฝั่งอันดามันไปยังอ่าวไทย ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์เป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเพราะเป็นแหล่งผลิตแร่ดีบุกที่สำคัญของประเทศ ปัจจุบันย่านเมืองเก่าของตะกั่วป่าบริเวณถนนศรีตะกั่วป่า จัดเป็นถนนสายวัฒนธรรมอีกแห่งของเมืองไทย เพราะสองข้างทางยังคงมีบ้านเรือนและร้านค้าเก่าแก่สไตล์ชิโนโปตุกีสที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์จากชาวท้องถิ่น ถนนนี้ในอดีตเคยคึกคักและรุ่งเรืองมากในยุคเหมืองแร่บูม แนะนำให้มาเที่ยวเมืองเก่าตะกั่วป่าในวันอาทิตย์ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เพราะมีการจัดงานถนนคนเดิน ให้เราชมเมืองย้อนประวัติศาสตร์ในบรรยากาศที่คึกคัก และลองชิมอาหารและขนมพื้นเมืองโบราณ
สำหรับทะเลและเกาะแก่งของพังงาไม่เป็นสองรองใครในโลกจริงๆ แค่จำนวนเกาะก็มากที่สุดในประเทศถึง 155 เกาะ ส่วนความสวยงามนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะทะเล เกาะแก่ง หาดทราย และโลกใต้น้ำของพังงานั้น มีชื่อเสียงระบือไกลระดับโลกแน่นอน ทั้งอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เกาะไข่ ฯลฯ สำหรับทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวเกาะที่กำลังฮิตสุดๆนั่นคือ “เกาะตาชัย” เกาะที่พูดได้เต็มปากว่ามันคือ “สวรรค์บนดิน” เพราะหาดทรายขาว ละเอียด นิ่มเหมือนแป้ง น้ำทะเลเขียวสะอาด ใสเหมือนแก้ว เกาะตาชัยสวยงามจนต้องตะลึง และน้ำทะเลที่เขียวใสที่สุด ปัจจุบันเกาะตาชัยยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนบนเกาะ การมาเที่ยวเกาะจึงต้องซื้อ One day trip จากบริษัททัวร์ท้องถิ่น เดินทางด้วย Speed Boat ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง กิจกรรมบนเกาะนอกจากเล่นน้ำ อาบแดด พักผ่อนชื่นชมกับหาดสวยๆน้ำใสๆแล้ว ยังมีจุดดำน้ำ Snorkeling เดินขึ้นเขาไปจุดชมวิว และเดินป่าไปดูปูไก่ ปูท้องถิ่นที่หาได้เฉพาะเกาะแก่งแถวนี้ และที่สำคัญถ่ายรูปให้เยอะที่สุด


3.      Krabi : from tourist town to unique island


               กระบี่...จังหวัดที่สามของฝั่งอันดามันหากขับรถล่องใต้มาตามทางหลวงหมายเลข 4 เป็นจังหวัดที่ภูมิทัศน์สวยงามมีเอกลักษณ์ด้วยภูเขาหินปูนขนาดยักษ์อยู่ทั่วจังหวัด อีกทั้งเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งบกและทะเลอยู่มากมาย สมกับเป็นจังหวัดท่องเที่ยวชื่อดังของไทย สถานที่เที่ยวในเมืองที่ขอแนะนำ คือ สระมรกต” ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ในอ.คลองท่อม Highlight ของที่นี่ คือ สระน้ำกลางป่าที่มีน้ำเขียวใสเหมือนมรกต เป็นสระน้ำที่เกิดตามธรรมชาติจากสระน้ำผุดกลางป่าและไหลมาผสมกับน้ำในผืนป่ามารวมกันในแอ่งทรงกลมกลางแจ้งขนาดใหญ่ เป็นสระว่ายน้ำที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างอย่างแท้จริง แนะนำให้มาเที่ยวและเล่นน้ำในช่วงเช้าเพราะตอนสายถึงบ่ายนักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งเยอะมาก เล่นน้ำที่สระมรกตแล้วอย่าลืมเดินป่าไปดู "สระน้ำผุด" เป็นน้ำที่ผุดจากพื้นดินตามธรรมชาติ สีฟ้าใส บริสุทธิ์และสวยงามมาก สำหรับเส้นทางเข้าสระมรกตจากจุดซื้อตั๋วมี 2 เส้นทาง คือเส้นทางลูกรังตรงไปสระมรกตเลย ระยะทางประมาณ 800 เมตร กับเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 1,400 เมตร ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ที่พบตามป่าฝนเขตร้อน แนะนำให้ไปทางกลับทางจะได้เที่ยวครบ จบ ฟิน 
               สำหรับทะเลและเกาะแก่งที่กระบี่มีมากมายและสวยงามอีกทั้งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร การเที่ยวทะเลกระบี่จึงหลากหลายและสนุกมาก หาดที่นิยมกัน ได้แก่ หาดนพรัตน์ธาราและหาดไร่เลย์ที่ฮิตสำหรับนักปีนผา ยังมีทัวร์เกาะยอดนิยมทั้ง One day trip อย่างทะเลแหวก หาดถ้ำพระนาง และเที่ยว 4 เกาะที่รวมถึงดำน้ำตื้น (เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะไก่ เกาะปอดะ) หรือไปไกลอีกหน่อยอย่างหมู่เกาะพีพี ที่ควรไปค้างคืนสักหน่อยแล้วเช่าเรือไปดำน้ำ แวะเที่ยวหาดสวยๆอย่างอ่าวมาหยา อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวปิเละ เกาะไม้ไผ่ ที่สวยงามแบบหาดขาวๆน้ำใสๆ หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา รวมถึงเกาะรอกและเกาะไหง และหมู่เกาะที่เริ่มฮิตอย่างเกาะห้อง เกาะผักเบี้ย เกาะพาราไดซ์ ส่วนเราขอเทใจให้ "อ่าวปิเละ" ที่อยู่ตอนเหนือของพีพีเล ซึ่งมีลักษณะเป็นทะเลใน หรือ Lagoon ล้อมรอบด้วยเขาหินปูนขนาดใหญ่ น้ำที่นี่เขียวใสแบบสุดๆ อีกทั้งสวยงามมีเอกลักษณ์แบบทะเลกระบี่ อีกที่คือ "ทะเลแหวก" แนวสันทรายที่เกิดจากคลื่นซัดและเชื่อมเกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ ให้เป็นทางเดินถึงกันในช่วงน้ำลง และจมหายไปเมื่อน้ำขึ้น ที่นี่ Amazing Thailand จริงๆ

4.      Trang : from food town to pretty island

จากกระบี่เรามุ่งลงใต้สู่จังหวัดที่ 4 ทางฝั่งอันดามัน...ตรัง จังหวัดที่ครบเครื่องเรื่องการท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่งของไทย ทั้งเป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งทางบกและทะเลมีอยู่อย่างครบครัน แต่ที่ขอยกให้เป็นกิจกรรมแนะนำหากแวะผ่านเข้าเมืองตรัง คือ Enjoy Eating โดยเฉพาะอาหารเช้าแบบตรังที่จัดเต็มทั้งปริมาณและคุณภาพ ด้วยอาหารขึ้นชื่อที่สุดอย่างหมูย่างเมืองตรัง (กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่ามากินถึงถิ่น) ติ่มซำสารพัดอย่าง ซาลาเปา ปาท่องโก๋ โรตี กินคู่กับชาร้อนหรือกาแฟท้องถิ่น รับรองว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่สุดฟินและมีพลังสุดๆ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในจ.ตรังที่ขอแนะนำ คือ “ถ้ำเลเขากอบ” ในอ.ห้วยยอด เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่การเข้าชมต้องนั่งเรือล่องตามลำน้ำเข้าไป ภายในมีถ้ำหินงอกหินย้อยอยู่หลายถ้ำให้เราได้เดินสำรวจและจินตนาการกัน Highlight ของที่นี่คือ ถ้ำมังกรหรือถ้ำลอด ซึ่งเป็นถ้ำสุดท้ายที่ต้องนอนราบไปบนเรือและค่อยๆล่องผ่านไป เพราะน้ำและเพดานถ้ำอยู่ใกล้กันมาก เป็นประสบการณ์ที่หวาดเสียวและสนุก เพราะต้องลุ้นว่าจมูกเราจะชนเพดานถ้ำหรือไม่ (ไม่ต้องห่วง...รอดทุกคน เพราะคนพายเรือเก่ง) 
            สำหรับทะเลตรังมีหาดสวยๆอย่างหาดปากเมง หาดยาว หาดหยงหลิน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ส่วนเกาะแก่งถึงจะมีไม่มากเท่าจังหวัดเพื่อนบ้านแต่ความสวยงามไม่แพ้ใคร แนะนำให้ไปพักบน "เกาะกระดาน" เกาะที่มีทรายขาวๆ น้ำใสๆ วิวสวยๆ เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมและมีรีสอร์ตของเอกชนอยู่หลายเจ้า จึงสะดวกสบายเหมาะกับการพักผ่อนแบบชิลๆ จากนั้นซื้อทัวร์ One day trip ไปดำน้ำที่เกาะม้าและเกาะเชือก ตามด้วยเข้า "ถ้ำมรกต" ซึ่งเป็นถ้ำกลางทะเลที่เป็นส่วนหนึ่งของเกาะมุก ที่มาของชื่อ คือ น้ำทะเลภายในถ้ำมีการสะท้อนแสงจากภายนอกเกิดเป็นน้ำสีเขียวใส สวยงามจับตาจริงๆ การเข้าถ้ำต้องเกาะเชือกแล้วว่ายน้ำเข้าไป ส่วนปลายถ้ำไปโผล่ที่ชายหาดปิดที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิน


5.      Satun : from peaceful  town to perfect island

             สตูล...จังหวัดสุดท้ายท้ายสุดของแผ่นดินไทยฝั่งอันดามัน เป็นจังหวัดเล็กๆที่เงียบสงบ ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาสลับภูเขาและที่ราบ มีชายฝั่งทะเลยาว และมีชายแดนติดต่อกับรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ประชากรส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิม หากแวะเข้าเมืองสตูลอย่าลืมแวะกินข้าวแกงของมุสลิม ที่มีพวกแกงเนื้อ แกงแพะ รับประกันความอร่อยแบบท้องถิ่น ของหวานอย่าลืม โรตีที่รสเด็ดสมคำขวัญจังหวัด สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดขอแนะนำทะเลบนบกอย่าง “อุทยานแห่งชาติทะเลบัน” ในอ.ควนโดน ชื่ออุทยานได้มาจากบึงขนาดใหญ่ที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินระหว่างเขาจีนและเขามดแดง ล้อมรอบด้วยพืขพรรณธรรมชาติและป่าเขา กิจกรรมรอบๆอุทยานนอกจากเดินเล่นริมบึงแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เที่ยวน้ำตก และแวะช็อปปิ้งที่ตลาดชายแดนวังประจันที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
              สตูลมีทะเลและเกาะแก่งมากมายกว่า 80 เกาะ แถมยังงามพร้อมแบบเกาะในฝัน ด้วยหาดทรายขาวเนื้อละเอียด น้ำทะเลเขียวใส และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ อาจเพราะระยะทางที่ไกลกว่าชาวบ้านของจ.สตูล นักท่องเที่ยวจึงไม่พลุกพล่านเท่าหลายจังหวัดในฝั่งอันดามัน สตูลมีหาดราไว เป็นชายหาดที่ยาวที่สุด และมีอุทยานแห่งชาติทางทะเล 2 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ถึง 51 เกาะ โดยมีหมู่เกาะใหญ่ๆ 2 เกาะ คือ หมู่เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะอาดัง-ราวี สำหรับเกาะที่เหมาะกับการไปเที่ยวและนอนค้างพักผ่อนสบายๆ ดูฟ้า ดูน้ำ ขอแนะนำ “เกาะอาดัง” และ “เกาะหลีเป๊ะ” ที่สวยงามไม่แพ้กันด้วยชายหาดขาวๆ และน้ำทะเลที่เขียวใสสุดๆ ส่วนจะเลือกพักเกาะไหนขึ้นอยู่กับอัธยาศัย โดยเกาะอาดังจะเป็นบ้านพักของอุทยาน หากใครชอบบรรยากาศที่เงียบสงบต้องที่นี่ ส่วนเกาะหลีเป๊ะ มีที่พักและรีสอร์ตของเอกชนอยู่ทั่วเกาะ จึงคึกครื้นกว่าแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จากนั้นซื้อทัวร์ One day trip สำหรับดำน้ำและเที่ยวเกาะเล็กเกาะน้อยในบริเวณนี้ อย่างเกาะรอกลอย เกาะหินงาม เกาะไข่ ซึ่งทุกเกาะล้วนสวยงามน่าประทับใจจริงๆ