Wednesday, June 25, 2014

My Favorite Museum in the Whole Wild World

     1. The Louvre (Musee du Louvre), Paris France


ภาพจาก www.louvre.fr
ความเจ๋ง : พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดอันดับต้นๆของโลก เก็บรวบรวมวัตถุโบราณมีค่ามากมายของมวลมนุษยชาติจากแหล่งอารยธรรมต่างๆทั่วโลก ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณจนถึงศตวรรษที่ 19  จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ มีศิลปะวัตถุให้ศึกษาและเยี่ยมชมมากมาย มาที่นี่อยู่ได้เป็นวันๆเลยทีเดียว
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์เป็นพระราชวังเก่า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Seine ในย่านเก่าแก่ของปารีส มีทางเข้า 3 ทาง Main entrance อยู่ที่ปิรามิดใส สัญลักษณ์ของ Louvre ที่ทั่วโลกรู้จักดี ทางเข้าอีกทางอยู่ชั้นใต้ดินในห้างสรรพสินค้า the Carrousel de Louvre และทางเข้าที่ Porte des Lionseight พิพิธภัณฑ์มีทั้งสิ้น 5 ชั้น แบ่งเป็นคอเลคชั่นต่างๆ ได้แก่ อียิปต์, เมโซโปเตเมีย, กรีก-Etruscan-โรมัน, จักรวรรดิโรมัน, อิสลาม, ประติมากรรม, ของตกแต่ง, จิตรกรรม, ภาพพิมพ์ และภาพร่าง 
มุมมหาชน : รูปปั้นยุคกรีกโบราณอย่าง “Venus de Milo” และ “Winged Victory of Samothrace”, ภาพเขียน “the Mona Lisa” ของ Leonardo da Vinci, “The Wedding Feast at Cana” ของ Paolo Veronese และภาพชื่อยาวเหยียดอย่าง “The Coronation of the Emperor Napoleon I and the Crowning of the Empress Joséphine in Notre-Dame Cathedral on December 2, 1804” ของ Jacques Louis David

2. Orsay Museum (Musee d’Orsay), Paris France


ภาพจาก www.musee-orsay.fr
ความเจ๋ง : ปารีส คือ บ้านเกิดของศิลปะแบบ Impressionist ซึ่งเริ่มต้นในยุคศตวรรษที่ 19 ศิลปะแบบนี้เน้นที่เทคนิคการใช้พู่กัน และการใช้สีสันหลากหลาย ไม่เน้นการวาดภาพที่สมจริงเท่าใดนัก ภาพวาดส่วนใหญ่เป็นภาพธรรมชาติ และวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน มากกว่าเรื่องราวทางศาสนา ชนชั้นสูง หรือสงครามแบบยุคที่ผ่านมา จัดเป็นยุคที่มีความโดดเด่น แตกต่าง และขบถจากศิลปะในยุคก่อนหน้า โดย Musee d' Orsay คือ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมคอเลคชั่นภาพเขียนในยุค Impressionist และ Post-impressionist ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากจิตรกรเอกของโลกอย่าง Monet, Manet, Degas, Renoir, Cezanne, Seurat, Sisley, Gauguin, Van Gogh
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์เป็นสถานีรถไฟเก่า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Seine รวบรวมภาพวาดในช่วงปี 1848-1945 กว่า 2,300 ภาพ รวมทั้งมีการจัดแสดงภาพถ่าย รูปปั้น และเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง แบ่งเป็น 4 ชั้น โดยทางเข้าและชั้นล่างจัดแสดงผลงานรูปปั้นและภาพวาดในยุค Neo-classic และ Pre-impressionism ชั้นต่อมาแสดงเฟอร์นิเจอร์ สิ่งของตกแต่ง ภาพวาดสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ยุค Naturalist และ Symbolist ชั้นต่อมาจัดแสดงภาพวาด และสิ่งของในยุค Neo-impressionist และชั้นบนสุดถือเป็น Highlight ของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงภาพวาดยุค Impressionist โดยแยกเป็นห้องตามชื่อศิลปินอย่าง Degas, Monet, Renoir, Sisley, Pissarro, Cailebotte ฯลฯ 
มุมมหาชน : เป็นการยากที่จะระบุภาพ Impressionist ซึ่งเป็น Masterpiece กว่า 100 ภาพว่าภาพไหนโด่งดังและยอดนิยมมากกว่ากัน จึงขอตามใจผู้เขียนด้วยภาพที่ชื่นชอบเป็นพิเศษจากจิตกรชั้นครูทั้งหลาย ได้แก่ ซีรี่ย์ภาพ “The Portal of Rouen Cathedral” ของ Monet, “Luncheon Grass “ ของ Manet, ซีรี่ย์ภาพนักบัลเล่ต์อย่าง "The Dance Class" ของ Degas, “Moulin de la Galette” ของ Renoir, "Card Players" ของ Cezanne, “Tahitian Women on the Beach” ของ Gauguin, “Les Raboteurs” ของ Caillebotte และ “Starry Night over the Rhone” ของ Van Gogh

3.  The Uffizi Gallery (Galleria degli Uffizi), Florence Italy 



ภาพจาก www.uffizi.com
ความเจ๋ง : ฟลอเรนซ์ คือ บ้านเกิดของยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) ของยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นสมัยแห่งการฟื้นฟูและพัฒนาศิลปะ วิทยาศาตร์ วิทยาการด้านต่างๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติ เหตุผล และมนุษยนิยม ศิลปะสมัยนี้จะเน้นเรื่องของสัจจะนิยม และเป็นการฟื้นฟูศิลปะแบบกรีกและโรมันขึ้นมาอีกครั้ง มีตระกูลเมดิซีในฟลอเรนซ์คอยอุปถัมภ์ศิลปินเพื่อสร้างศิลปะที่สวยงาม ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม สำหรับศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง Leonado da Vinci, Sandro Botticelli, Michelangelo, Buonarroti, Raffaello Sanzio da Urbino ล้วนเป็นศิลปินชาวอิตาลีในยุคดังกล่าว สำหรับพิพิธภัณฑ์ Uffizi คือ พิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ที่เก็บรวบรวมคอเลคชั่นภาพวาดในสมัย Renaissance ที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีผลงานระดับ Masterpiece จากศิลปินเอกของโลกในยุคนั้นอยู่มากมาย
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์เป็นพระราชวังเก่า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Arno มีการจัดแสดงภาพวาดและรูปปั้นกว่าพันชิ้น โดยเฉพาะศิลปะในสมัย Renaissance นอกจากนั้นยังมีศิลปะในยุคต่างๆอย่าง ยุคกลางของยุโรป, Gothic, Baroque, Mannerist ตัวอาคารมี 45 ห้อง 2 ชั้น จัดแสดงภาพเขียนของศิลปินในยุคต่างๆ แยกเป็นห้องตามชื่อศิลปิน เช่น ห้อง 10 และ 14 เป็นห้องแสดงภาพของ Botticelli ห้อง 15 ของ da Vinci ห้อง 25 ของ Michelangelo ห้อง 26 ของ Raffaello
มุมมหาชน : ภาพเขียนยอดนิยมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้แก่ "The Birth of Venus" และ "Primavera" ของ Botticelli, "Venus of Urbino" ของ Titian, "Tondo Doni" ของ Michelangelo, Bacchus” ของ Caravaggio, “Portraits of the Duke and Duchess of Urbino” ของ Piero della Francesca


4. The Vatican Museum (Musei Vaticani),Vatican


ภาพจาก www.vaticanstate.va
ความเจ๋ง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 เก็บรวบรวมศิลปะวัตถุที่สำคัญของคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุด และดังที่สุดของโลก มีผลงานระดับ Masterpiece จากศิลปินชั้นครูในยุคที่ศิลปะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศาสนาคริสต์
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์อยู่ภายในกำแพงเมืองของรัฐที่เล็กที่สุดในโลกอย่างวาติกัน ศิลปะวัตถุที่จัดแสดงสามารถแบ่งได้เป็น 25 คอเลคชั่น ตั้งแต่ยุคอียิปต์, กรีก-โรมัน, ยุคกลางที่คริสตจักรมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป, Renaissance จนถึงศิลปะสมัยใหม่ ทีนี่แบ่งเป็นแกลอรี่และพิพิธภัณฑ์ย่อยๆมากมายอย่าง Pinacoteca Vaticana แกลอรี่ที่มีภาพเขียนตั้งแต่สมัยยุคกลาง ถึง Renaissance มีภาพชื่อดังอย่าง “Transfiguration” ของ Raphael, “La Deposizione di Cristo” ของ Caravaggio, “Marsuppini Coronation” ของ Filippo Lippi Museo Pio-Clementino ป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรูปปั้นสมัย Renaissance และแกลอรี่อีก 54 ห้อง รวมทั้ง Sistine Chapel ที่มีภาพวาด “The Last Judgment” อันโด่งดังของ Michelangelo Museo Chiaramonti เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรูปปั้นสมัยกรีกและโรมัน โดยรูปปั้นที่มีชื่อเสียงอย่าง "The Prima Porta Augustus", "Doryphorus" และ "The River Nele" ซึ่งอยู่ในส่วน New Wing และที่พลาดไม่ได้ คือ ห้องของ Raphael ที่มีผลงานภาพเขียนของเค้าและศิษย์ ประกอบไปด้วย 4 ห้องย่อย โดยภาพที่มีชื่อเสียงสุดคือ “The School of Athens” นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังมีส่วนที่น่าสนใจอื่นๆอย่าง Museo Gregoriano Etrusco เป็นที่รวบรวมคอเลคชั่นยุคอิตาลีโบราณ (Etuscan) Museo Gregoriano Egiziano รวบรวมคอเลคชั่นของอียิปต์โบราณ
มุมมหาชน : แน่นอนต้องเป็น Sistine Chapel ที่มีภาพวาด "The Last Judgment" ของ Michelangelo และภาพ "The Creation of Adam" ซึ่งเป็นภาพวาดบนเพดานวิหารที่ Michelangelo ใช้เวลาวาดถึง 5 ปี และ Raphael Rooms ทั้ง 4 ห้อง โดยเฉพาะภาพ "The School of Athens" ในห้อง Segnatura 


5. Smithsonian National Air and Space Museum, Washington DC USA



ภาพบางส่วนจาก wikipedia.org
ความเจ๋ง : เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติความเป็นมา การคิดค้น ค้นพบ และวัตถุสิ่งของด้านการบิน (Aircraft) และอวกาศ(Spacecraft) ซึ่งเป็นคอเลคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาพิพิธภัณฑ์ทั้ง 19 แห่งของสถาบัน Smithsonian อีกทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีกิจกรรม และนิทรรศการเจ๋งๆ ให้ความรู้ด้านการบินและอวกาศแก่ประชาชนตลอดทั้งปี
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของอเมริกาอย่างกรุง Washington DC บริเวณ National Mall ซึ่งเป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์ดีๆของ Smithsonian หลายแห่ง สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น จัดแสดงวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบิน และอวกาศ ทั้งเครื่องบินสมัยต่างๆ ตั้งแต่เครื่องบินลำแรกของโลก เครื่องบินสมัยสงครามโลก จนถึงยุคปัจจุบัน รวมทั้ง จรวด ยานอวกาศ กระสวยอวกาศ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งหมดกว่า 60,000 ชิ้น มีห้องภาพยนต์ IMAX, ห้องดูดาว, ห้อง Lecture ให้ความรู้เรื่องการบิน อวกาศ ดวงดาว และห้องจัดแสดงนิทรรศการที่หมุนเวียนตลอดทั้งปี
มุมมหาชน : เครื่องบินลำแรกของโลกที่สร้างโดยสองพี่น้องตระกูล Wright ในปี 1903, "The Spirit of St.Louis" เครื่องบินลำแรกที่บินตรงจากนิวยอร์กไปปารีส และส่วนของ Command Module ในยาน Apollo 11 ยานอวกาศที่เหยียบดวงจันทร์ลำแรกของมนุษยชาติ 


6.  The Egyptian Museum (المتحف المصري), Cairo Egypt


ภาพจาก wikipedia.org
ความเจ๋ง : เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมศิลปะวัตถุของอารยธรรมอียิปต์โบราณ ที่มีวัตถุสิ่งของแบบอียิปต์ล้วนๆ จัดแสดงกว่า 120,000 ชิ้น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสมบัติ และโบราณวัตถุของดินแดนไอยคุปต์ที่ยิ่งใหญ่ และมีค่ายิ่งของโลก สำหรับเราคอเลคชั่นอียิปต์ของที่นี่ตื่นตาตื่นใจและยิ่งใหญ่ สมเป็นบ้านเกิดของสุดยอดอารยธรรมของมนุษยชาติสมัยหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านอียิปต์โบราณที่เจ๋งที่สุดในโลก ซึ่งพิพิธภัณฑ์ชื่อดังอย่าง Lourve ในปารีส หรือ British Museum ในลอนดอน ยังต้องชิดซ้าย เมื่อเทียบกับคอเลคชั่นอียิปต์ของที่นี่
ที่นี่มีอะไร : พิพิธภัณฑ์เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างมีวัตถุโบราณของอียิปต์สมัย New Kingdom (1550-1609 BC) เป็นพวกรูปปั้นฟาโรห์ ราชินี สฟิงซ์ และเทพเจ้า ขนาดต่างๆตั้งแต่ใหญ่จนเล็ก เครื่องมือเครื่องใช้ในยุคนั้น โลงศพ และคอเลคชั่นกระดาษปาปิรุส ส่วนชั้นบน มีวัตถุโบราณและสมบัติต่างๆ ของสองราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์ ในสมัยของฟาโรห์ Thutmosis III, Thutmosis IV, Amenophis II, Hatshepsut และสมบัติที่ค้นพบจากหลุมศพของกษัตริย์ใน Valley of the Kings ทั้งข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะ ตู้ เตียง บัลลังค์ทองคำ เครื่องประดับ อาวุธ และโลงศพ 
มุมมหาชน : ห้องของฟาโรห์ Tutankhamun ซึ่งมีหน้ากากทองคำ และโลงศพของฟาโรห์หนุ่มของแท้และแน่นอน พร้อมสมบัติต่างๆกว่า 3,500 ชิ้น ทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ที่ถูกค้นพบตอนพบหลุมศพ และห้องมัมมี่ ที่เก็บมัมมี่ของฟาโรห์ผู้ปกครองอียิปต์ในสมัยต่างๆ ถึง 27 พระองค์ 


7. Marinetime Museum (Museu da Marinha), Lisbon Portugal


ความเจ๋ง : เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมวัตถุสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือของโปรตุเกสตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคแห่งการค้นพบ หรือ Age of Discovery คือช่วงเวลาประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นช่วงที่ชาวยุโรปเริ่มเดินทางสำรวจทางทะเล เพื่อค้นหาเส้นทางการค้ามายังตะวันออก โดยโปรตุเกสเป็นผู้นำการบุกเบิกดังกล่าว มีเจ้าชายเฮนรี (Price Henry the Navigator) เป็นผู้ผลักดันการเดินเรือของโปรตุเกสเข้าสู่ยุคทองของการบุกเบิกทางทะเลอย่างแท้จริง นำมาซึ่งยุคแห่งการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกในเวลาต่อมา
ที่นี่มีอะไรบ้าง : พิพิธภัณฑ์อยู่ในย่าน Belem ของลิสบอน ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ที่มีสถานที่เกี่ยวกับยุคแห่งการค้นพบที่น่าสนใจมากมายอย่าง วิหาร Jeronimos, หอคอย Belem, อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ สำหรับพิพิธภัณฑ์นี้เป็นอาคารชั้นเดียวขนาดไม่ไหญ่มาก รวบรวมและจัดแสดง เรือ วัตถุ สิ่งของ และอุปกรณ์ด้านการเดินเรือ กว่า 17,000 ชิ้น เช่น ภาพวาด เข็มทิศ กล้องส่องทางไกล แผนที่ ลูกโลก ปืนใหญ่ หัวเรือ โมเดลและเรือของจริงหลากหลายขนาดของโปรตุเกส เครื่องแต่งกายของทหารเรือในยุคต่างๆ เรือพระที่นั่ง ห้องสำหรับราชวงค์ภายในเรือ (Royal Cabin) 
มุมมหาชน : เรือพระที่นั่งและเรือพระราชพิธีของกษัตริย์และราชินีโปรตุเกส ในศตวรรษที่ 18 ห้องส่วนพระองค์ (Royal Cabin) ของราชินี Amelia ในศตวรรษที่ 19 และหัวเรือไม้สลักรูป Archangel Raphel เป็นเรือที่พา Vasco da Gama ไปสำรวจอินเดีย แต่สำหรับผู้เขียนตื่นตากับคอเลคชั่นของแผนที่โลกโบราณสมัยศตวรรษที่ 16 ที่จัดว่าเป็นคอเลคชั่นที่ใหญ่ที่สุดของโลก และลูกโลกโบราณ (Terrestrial Globe) ของ Willem Jansz Blaeu นักทำแผนที่และสร้างลูกโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกในยุคนั้น

8.  Prado Museum (Museo Nacional del Prado), Madrid Spain


ภาพจาก www.museodelprado.es 
ความเจ๋ง : เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดดเด่นเรื่องคอเลคชั่นภาพเขียนในช่วงศตวรรษที่ 12 ถึง 19 ของสเปนและยุโรปหลายพันภาพ โดยเฉพาะศิลปะ Flemish, Venetian Renaissance ยุคหลังๆ และ Spanish Art โดยเฉพาะคอเลคชั่นของศิลปินสเปนชั้นแนวหน้าอย่าง Velazquez, Goya, Murillo ซึ่งมีครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดของโลก
ที่นี่มีอะไรบ้าง : Prado จัดแสดงทั้งงานประติมากรรมและจิตรกรรม มีผลงานของบรรดาศิลปินเอกของโลกอย่าง Velazquez, Goya, El Greco, Raphel, Rubens, Titian และ Bosch ตัวพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วย 3 ชั้น โดย 2 ชั้นแรกเป็นบริเวณที่ขายตั๋ว ทางเข้า พื้นที่จัดแสดงภาพเขียน โดยแบ่งเป็นศิลปะของสเปน เยอรมัน อิตาลี Flemish ฝรั่งเศส อังกฤษ และดัตช์ มีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ส่วนชั้นบนสุดเป็นพื้นที่แสดงงานประติมากรรม พวกรูปปั้นต่างๆ
มุมมหาชน : ภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็น "Las Menias" ของ Velazquez, ภาพ "Garden of Earthly Delights" ของ Bosch ที่ชวนให้ตีความในรายละเอียดแสนแนวของจิตรกร, ภาพ "The Three Graces" ของ Rubens และภาพ "The Third of May" ของ Goya ส่วนตัวเราชื่นชอบคอเลคชั่น "Black Painting" ของ Goya เป็นพิเศษ เพราะดูหลอนแบบเก๋ๆ ล้ำจินตนาการมากๆ คอเลคชั่นดังกล่าวมีทั้งสิ้น 14 ภาพ และถูกจัดแสดงไว้ที่ Prado แห่งนี้ทั้งหมด


9. National Palace Museum (國立故宮博物院z),Taipei Taiwan


ภาพจาก wikipedia.org
ความเจ๋ง : เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมศิลปะ วัตถุของอารยธรรมจีนที่มากและมีชื่อเสียงที่สุดของโลก โดยคอเลคชั่นส่วนใหญ่ถูกขนย้ายหนีภัยสงครามกับญี่ปุ่นมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่ปี 1931 ยิ่งในช่วงสงครามกลางเมืองของจีนระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์และฝ่ายชาตินิยม ในปี 1949 โบราณวัตถุกว่า 600,000 ชิ้น ได้ถูกย้ายมาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของไต้หวันแห่งนี้
ที่นี่มีอะไรบ้าง : ตัวพิพิธภัณฑ์ภายนอกสร้างแบบพระราชวังโบราณของจีน แต่ภายในถูกตกแต่งและวางรูปแบบเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยนำเสนอ ทำให้การชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สนุกและน่าสนใจยิ่งขึ้น ภายในมีทั้งสิ้น 5 ชั้น โดยชั้นที่ 1-3 เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะวัตถุของจีนล้วนๆ ทั้งรูปปั้น ภาพวาด เครื่องมือ-เครื่องใช้ในอดีต งานเซรามิกส์ งานแกะสลักหิน-หยก-งาช้าง เครื่องทองแดง และหนังสือหายาก ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องชา (Teahouse) และชั้นล่างสุดเป็นทางเข้า ที่ขายตั๋ว และร้านขายของที่ระลึก
มุมมหาชน : สำหรับ Masterpieces ของพิพิธภัณฑ์นี้ยกให้ หยกแกะสลักรูปหัวผักกาดที่มีตั๊กแตนเกาะ (The Jadeite Cabbage) และหินแกะสลักรูปหมูสามชั้น (The Meat Shaped Stone)